Page 15 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 15

พระศาสนจักรผูกพันเข้ากับธรรมล้ำาลึกของพระนางมารีย์จนไม่อาจแยกจากกันได้  พวกท่านเห็น

            พระศาสนจักรในพระนางมารีย์ และเห็นพระนางมารีย์ในพระศาสนจักร กล่าวได้ว่า พระนางมารีย์เป็น
            สัญลักษณ์และเป็นดังบทสรุปของทุกสิ่งที่พระศาสนจักรนำามาเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและกระแสเรียก

            ของตน
                    พระนางมารีย์ ในฐานะเป็นรูปแบบของพระศาสนจักร ซึ่งร่วมเดินทางในหมู่ชาวยิว ประชากรของ

            พระเจ้า และจากประวัติศาสตร์ของชนชาตินี้ พระคาร์ดินัล ยัง ดานีเอลู (Jean Danielou) ได้อธิบายว่า
            พระเจ้าได้ให้การศึกษาอบรมชนชาติอิสราเอลในพันธสัญญาเดิม เพื่อพวกเขาจะได้เข้าถึงความจริงเกี่ยว

            กับพระองค์ที่สมบูรณ์กว่าสองประการ ประการแรก มีพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
            ความเชื่อที่มาก่อนเรื่องอื่นๆนี้เรียกร้องให้ชนชาติอิสราเอลซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และมอบความวางใจ

            ทั้งหมดแด่พระองค์ผู้เดียว ประการที่สอง พระพรหรือของประทานที่สำาคัญก่อนอื่นหมดที่พระองค์ปรารถนา
            จะประทานให้ คือ พระหรรษทาน หรือชีวิตพระของพระองค์ และจะพบว่าพระนางมารีย์บรรลุถึง

            ความสำาเร็จสมบูรณ์ในการศึกษาอบรมนี้ในประวัติศาสตร์ที่เป็นการตระเตรียมการเสด็จมาของพระเยซู
            คริสตเจ้า พระบุตรของพระองค์ พระนางเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ซึ่งให้ความหมายว่า พระเจ้าของพระนาง

            เป็นพระเจ้าแต่หนึ่งเดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก ในที่สุดพระนางกลายเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่นำา
                                                                                      ้
                                                                                   ์
                                                                                        ้
                                                                                           ั
                                                                                         ้
                                                                           ์
                       ่
                                      ่
                       ู
                                                                        ์
                 ุ
                                                                                                ่
                                           ์
                                        ั
            พระบตรมาสโลก และในความซอสตยตอพระเจาของพระนาง นกบญเบอรนารด แคลโวซ ไดใหขอสงเกตวา
                                      ื
                                                  ้
                                            ่
                                                                  ุ
                                                               ั
            พระนางไม่ได้รอคอยอะไรบางอย่างในฐานะรางวัลของผู้ชอบธรรมเหมือนอย่างโยบ ไม่ได้วอนขอปรีชา
            ญาณดังที่กษัตริย์ซาโลมอนทำา แต่พระนางต้องการพระหรรษทาน พระนางชื่นชมสิ่งนี้อันเป็นสิ่งฝ่ายจิต
            และเป็นพระพรเหนือธรรมชาติ ดังที่อัครเทวดาคาเบรียลได้กล่าวแก่พระนางว่า “เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน”
            (The Advent of Salvation, pp.110-17)
                    ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ในประวัติศาสตร์ มุ่งนำาผู้ที่เชื่อในพระองค์ทุกคนไปสู่
            การบรรลุถึงความสำาเร็จสมบูรณ์ทั้งสองประการดังกล่าวเสมอ ประการแรกเรื่องความซื่อสัตย์ เราก็ได้เห็น
            ตั้งแต่แรกแล้วว่า บรรดาบรรพบุรุษรุ่นแรกของชาวท่าแร่มอบความวางใจทั้งหมดไว้ในพระเจ้าภายใต้การนำา
            ของพระสงฆ์ ในการเดินทางมาตั้งชุมชนแห่งนี้ และจากความเชื่อของพวกท่าน กับผู้คนกลุ่มแรกจำานวน
            ประมาณ 150 คน แม้จำานวนที่ดูจะเล็กน้อย แต่ก็เป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้และดึงดูดให้
            ผู้คนจากที่ต่างๆ อพยพเข้ามาร่วมอยู่ในความหวังแห่งพระสัญญาเดียวกันในความเชื่อ ขณะเดียวกันก็
            ยังผลให้ผู้คนในที่อื่น ๆ สนใจจะรู้จักพระคริสตเจ้าจนบังเกิดความเชื่อขึ้นในอีกหลายหมู่บ้านของมิสซัง
            (เช่น บ้านจันทร์เพ็ญ บ้านช้างมิ่ง) ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า จำานวนคริสตชนท่าแร่ได้เพิ่มจาก 150 คน
            ในปี ค.ศ.1884 (พ.ศ.2427) เป็น 1,916 คนในปี ค.ศ.1906 (พ.ศ.2449) และภายในปี ค.ศ.1939 (พ.ศ.2482)

            จึงจะถูกนับเป็นปิตาจารย์ของพระศาสนจักร (the fathers of the Church)  Johannes Quasten ผู้เชี่ยวชาญด้าน

            ปิตาจารย์ในศตวรรษที่ 20 ได้กำาหนดว่า ในพระศาสนจักรตะวันออก ภายหลังการตายของนักบุญยอห์น ชาว
            ดามัสกัส (ค.ศ.749) และในพระศาสนจักรตะวันตก ภายหลังการตายของนักบุญอิสิดอร์แห่งเซวิลเล (ค.ศ.639) ถือ
            เป็นการปิดฉากยุคเวลาที่จะเรียกคนใดคนหนึ่งเป็นปิตาจารย์



            อารัมภบท                                                                           13
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20