Page 16 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 16

คริสตชนท่าแร่มีประมาณ  3,000  คนอันที่จริงบ้านท่าแร่ไม่ใช่แค่กลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกของมิสซัง

            ท่าแร่-หนองแสง เท่านั้น และน่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดตั้งแต่ช่วงเวลาแรกเริ่มของมิสซังแล้วด้วย แต่ที่สำาคัญ
            กว่านั้น ตามที่พระสังฆราชเกลาดีอุส บาเย ผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าแร่คนที่สองต่อจากคุณพ่อยอแซฟ

            กอมบูริเออ หลังจากทำาหน้าที่เป็นผู้ช่วยท่านกว่าสิบปี ได้เขียนไว้ว่า “ขณะนั้น (ค.ศ.1939) กลุ่มคริสตัง
            บ้านท่าแร่ เป็นกลุ่มคริสตังที่ใหญ่และเข้มแข็งที่สุดในภาคอีสาน” เรายังพบคำายืนยันในทำานองนี้จากอดีต

            คุณพ่อเจ้าอาวาสบางท่าน คุณพ่อนรินทร์ ศิริวิริยานันท์ ได้พูดอยู่เสมอว่า “ท่าแร่ แม้จะเป็นวัดใหญ่ที่สุด
            ของมิสซัง แต่ก็เป็นวัดที่ปกครองง่ายที่สุด” คุณพ่อธีระยุทธ อนุโรจน์ เมื่อได้รับเชิญมาเทศน์เอกวารเตรียม

            ฉลองวัดเป็นคำารบสองในรอบไม่ถึงสิบปี ได้พยายามชี้ให้ชาวท่าแร่ได้ตระหนักและเข้าใจตนเอง พร้อมทั้ง
            ท้าทายให้ยอมรับภาระหน้าที่หรือพันธกิจอันเนื่องจากพระพรของความเชื่อที่พระเจ้าประทานให้ คุณพ่อ

            ได้สรุปเป็นประโยคสั้นๆ ดังนี้ “ถ้าท่าแร่ล้มเหลว ที่อื่นก็ล้มเหลวด้วย” (บทเทศน์เอกว�ร เตรียมฉลองวัด
            วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2009) จะว่าไปแล้ว หากที่ผ่านมาชาวท่าแร่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ด้วยการยอม

            มอบตนเองไว้ภายใต้การนำาของศาสนบริกรของพระศาสนจักร บรรดามิชชันนารีและพระสงฆ์เจ้าอาวาส
            ทั้งหลาย ที่จะสามารถเป็นพยานถึงความรักของพระเจ้า และแสดงออกมาในความรักความเป็นหนึ่งเดียว

            ของพวกท่าน คงไม่มีการหลั่งไหลของผู้คนเข้ามายอมรับความเชื่อในพระเจ้าและร่วมอยู่ในพระศาสนจักร
            ของพระคริสตเจ้าในชุมชนแห่งนี้เป็นแน่เช่นเดียวกัน ท่าแร่อาจไม่ใช่วัดที่ปกครองง่ายอย่างที่ว่าก็ได้

                    ประการที่สอง การดิ้นรนเพื่อให้ได้รับมาซึ่งพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร และปรารถนาที่จะได้รับ
            มากยิ่งขึ้น เราต้องไม่ลืมว่า แม้เราจะอยู่ในพระศาสนจักรคาทอลิกที่สอนความจริงอันนำาไปสู่ความรอดพ้น

            แต่เรายังร่วมเดินทางกับมนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ อาจเป็นเหตุให้ถูกประจญด้วยความรู้สึกนึกคิดแบบ
            ชาวโลก ฉะนั้น ในการดำาเนินชีวิตประจำาวัน ทั้งในส่วนตัวและในกิจกรรมร่วมกันกับผู้อื่น โดยเฉพาะกิจกรรม

            ทางการบ้านการเมือง กิจกรรมทั้งหมดของเราต้องมุ่งและนำาไปสู่จุดหมายของชีวิตแห่งความเชื่อของ
            เราได้ คือ พระอาณาจักรของพระเจ้า หรือชีวิตนิรันดร พระพรแท้จริงที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราได้รับ

            ชีวิตทั้งครบของเราต้องดำาเนินไปด้วยปรารถนาที่จะได้ร่วมชีวิตกับพระเจ้าในสวรรค์อันเป็นจุดหมายสูงสุด
            ดังนั้นกิจกรรมต่างๆทั้งหลายในชีวิตของเรา โดยเฉพาะกิจกรรมทางการเมือง ต้องถูกปฏิบัติในท่าทีที่

            ในตัวมันเองช่วยส่งเสริมให้ก้าวหน้าในความเชื่อเท่านั้น ซึ่งจะทำาให้เราไม่นำาเอาเป้าหมายของกิจกรรม
            เหล่านี้มาทดแทนเป้าหมายของชีวิตแห่งความเชื่อ เพราะพระพรแห่งพระหรรษทานต้องไม่ถูกทดแทนด้วย

            คุณประโยชน์ของโลกนี้ บรรพบุรุษของเราแสดงออกในจิตตารมณ์นี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ในการอพยพมา
            ตั้งชุมชนที่นี่ และในการมารับความเชื่อเป็นคริสตชนและร่วมดำาเนินชีวิตแห่งความเชื่อในชุมชนแห่งนี้ของ

            อีกหลายๆคนในอดีต ความปรารถนานี้ต้องฝังลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจเราทุกคน  ดังปรากฏเป็นคำากล่าว
            ของชาวท่าแร่คนหนึ่งว่า “สิ่งที่ทำาให้ผมดีใจที่สุด คือผมได้วิญญาณของลูกกลับมาหาพระเจ้า” (เป็นประโยค

            แรกในการกล่าวขอบคุณแขกผู้มาร่วมมิสซาปลงศพลูกชาย) ด้วยปรารถนาเช่นนี้เองจะช่วยแสดงออก
            ในความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้

                    ในความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า โดยการปรับตนให้เข้ากับพระวาจาของพระองค์ ทำาตนให้ขึ้นกับกฎ



            14                                                                           อารัมภบท
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21