Page 47 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 47

ศาลามาร์ติโน  ในปี 2011 (2554) จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม กิจกรรมในช่วงค่ำาแตกต่างจากปี 2009

            บ้างเล็กน้อย คือ มีการรับประทานอาหารร่วมกัน หรือ “ตุ้มโฮมข้าวพาแลง” และมีการฉายภาพยนตร์
            แม้กิจกรรมกินข้าวพาแลงที่ได้เริ่มจัดมาแล้ว ตั้งแต่สมัย คุณพ่อสำาราญ วงศ์เสงี่ยม เป็นเจ้าอาวาส

            จะไม่ประสบความสำาเร็จเท่าที่ควร  แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนทั้งจากเจ้าอาวาสและสภาภิบาลวัด
            ให้มีต่อไป พวกท่านคงเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ที่แสดงออกถึงความเป็นครอบครัวเดียวกันในพระเจ้าของ

            ชาวท่าแร่ (กิจกรรมการสนุกสนานรื่นเริงต่างๆ ของวัดที่ดูเรียบง่ายนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะกับงานบุญกองข้าว
            เท่านั้น แต่กับการฉลองต่างๆของวัดด้วย นี่ไม่ได้เป็นผลจากรูปแบบการจัดงานที่กำาหนดจะเป็นเช่นนั้น

            แต่เกิดจากสภาพทางสังคมที่เปลี่ยนไป ตัวขับเคลื่อนหลักน่าจะมาจากการที่ชาวไทยมีฐานะทางเศรษฐกิจ
            ดีขึ้น ในปี 1997 (2540) ชาวท่าแร่น่าจะมีโทรทัศน์สีทุกครัวเรือนแล้ว ปัจจัยที่ประกอบกัน คือ ความก้าวหน้า

            ทางเทคโนโลยี จากเครื่องเล่นวีดีโอ (VDO) ที่ใช้เปิดดูภาพยนตร์ ภายในปี 2000 (2543) ภาพยนตร์กลาง
            แปลงก็ถูกแทนที่อย่างสมบูรณ์ด้วยเครื่องเล่นวีซีดี/ดีวีดี (VCD/DVD) และภายในปี 2010 (2553) แทบ

            ทุกครอบครัวก็มีเครื่องเล่นซีวีดี/ดีวีดีกันหมดแล้ว และในยุคเวลานี้คอมพิวเตอร์ก็กลายเป็นอุปกรณ์อิเลค
            ทรอนิกส์พื้นฐานที่มีเกือบจะทุกครอบครัว สามารถนำามาเปิดเล่นคาราโอเกะเพื่อขับร้องบทเพลงได้ เพียง

            มีเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถสร้างความบันเทิงได้แล้ว แม้อยู่คนเดียวส่วนตัว หรือกับเพื่อนฝูง ครอบครัว
            วงญาติ ไม่จำาเป็นต้องรอคอยมาร่วมงานวัดอีกต่อไป เพราะทุกครอบครัวสามารถจัดซื้อมาใช้ในครอบครัว

            หรือซื้อมาใช้ส่วนตัวได้ ดังนั้น กิจกรรมการบันเทิงรวมของหมู่บ้านในงานฉลองต่างๆของวัดจึงมีคุณค่าลด
            ลงไปอย่างมาก และไม่จำาเป็นต้องรอคอยอีก)

                    มีเพียงปีเดียวที่จัดแปลกกว่าปีอื่นๆ คือในปี 2003 (2546) สมัยคุณพ่อสำาราญ วงศ์เสงี่ยม
            เป็นเจ้าอาวาส จัดให้มีการฉลองวัด งานบุญกองข้าว และการแห่ศีลมหาสนิท รวมในงานเดียวกัน

            โดยมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีการจัดงานมหรสพที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
            (เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ไม่ได้จัดงานมหรสพคบงันใหญ่ๆ) เพราะได้มีการจ้างนักร้องหมอลำาชื่อดัง

            แห่งยุค ได้ชื่อว่า “ราชินีหมอลำา” ของเมืองไทย คือ จินตรา พูนลาภ มาแสดงให้ชมฟรีที่บริเวณข้างศาลา
            มาร์ติโน ผู้คนโดยเฉพาะจากหมู่บ้านต่างๆ จากต่างอำาเภอ กระทั่งมาจากอำาเภอสว่างแดนดินก็มีแห่มาดู

            เต็มพื้นที่จนล้นออกมาถึงหน้าวัด (ปกติชาวท่าแร่ไม่นิยมดูการแสดงดนตรี ไม่ว่าจะเป็นดนตรีประเภท
            สตริง ลูกทุ่ง หรือหมอลำาที่ขับร้องเป็นภาษาท้องถิ่นอีสานก็ตาม ดังนั้น จะเห็นว่างานมหรสพของ

            ชาวท่าแร่จะไม่มีการจ้างวงดนตรีมาแสดง มีเพียงบุญฉลองวัดปี 2003 และปี 2004 เท่านั้น แม้ในตอนแรก
            ที่มีโครงการจะจ้างนักร้องชื่อดังของเมืองไทยดังกล่าวมาแสดง ก็มีคำาถามจากชาวท่าแร่เองว่า “ใครจะดู?”

            สิ่งที่ชาวท่าแร่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือจะไม่ให้มีการแสดงหมอลำาซิ่งในหมู่บ้าน ขณะที่การแสดงดนตรี
            ที่มีนักเต้นประกอบเพลงนุ่งน้อยห่มน้อย วงใหญ่ที่รับจ้างแสดงตามงานวัดในหมู่บ้านต่างๆ ก็ไม่เคยเข้ามา

            แสดงในท่าแร่เลย) แม้ในปีนั้นจะจัดงานมหรสพได้อย่างยิ่งใหญ่ก็จริง แต่ก็ขาดความหลากหลาย ไม่เหมือน
            เช่นในอดีตการจัดงานมหรสพที่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายจริงๆ น่าจะเป็นช่วงงานสมโภช 100 ปี ท่าแร่ ในเดือน

            ธันวาคมปี 1984 (2527) มหรสพในครั้งนั้นประกอบด้วย ภาพยนตร์ มอเตอร์ไซด์ไต่ถังซึ่งเป็นการแสดง



            ภาคที่ 2  วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ                                                   45
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52