Page 199 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 199

ผมไม่ได้เป็นคนบ้านท่าแร่แต่ก็มีความเกี่ยวข้องและความสัมพันธ์กับบ้านท่าแร่นับตั้งแต่

            ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์จนถึงปัจจุบัน วัดท่าแร่เป็นวัดแรกของชีวิตสงฆ์ของกระผม ผมได้รับการแต่งตั้ง
                                                  �
            ให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสทันทีหลังการบวช ทางานอยู่ได้หกเดือนก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการ
            เจ้าอาวาสวัดหนองแสงเป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นก็กลับมาเป็นปลัดท่าแร่อีกปีครึ่งก่อนที่จะถูกส่งตัวไปเรียน
            ต่อที่กรุงโรมเพื่อเตรียมตัวเป็นอาจารย์สอนบ้านเณรใหญ่ เป็นปลัดครั้งแรกอยู่กับคุณพ่อบุบผา  สลับเชื้อ

            โดยมีคุณพ่ออินทร์ นารินรักษ์ เป็นเจ้าอาวาส ครั้งที่สองเป็นปลัดคนเดียว และส่วนใหญ่คุณพ่ออินทร์
            จะไม่อยู่บ้านเสียด้วย ท่านชอบบ้านหนองห้างของท่านมากกว่า ผมก็เลยเป็นเจ้าวัดไปโดยปริยาย

                    เข้ามาท�างานที่วัดท่าแร่สิ่งแรกที่สังเกตคือคนมาวัดแต่ไม่เข้าวัด คุยกันนอกวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
            เยาวชน ต้องไปไล่เขาเข้าวัด แต่ก็ไม่ประสบผลส�าเร็จ จึงได้คิดจะก่อตั้งคณะเยาวชนขึ้น แต่กว่าจะส�าเร็จ

            ต้องออกแรงไม่ใช่น้อย พ่อแม่ของเยาวชนหญิงต่อต้าน ก็ได้ซิสเตอร์มีคาแอลเข้ามาดูแลพวกเยาวชนหญิง
            ให้คณะเยาวชนตอนนั้นดังมากและผมก็ภาคภูมิใจกับพวกเขาด้วย คราวนี้ผมไม่ต้องออกไปไล่ ตรงกันข้าม

            เขาจะมาช่วยอ่านบทอ่านในมิสซาให้ ขับร้องในวัด ฯลฯ สภาวัดก็เกิดขึ้นสมัยที่ผมเป็นปลัดด้วย
                    เมื่อเยาวชนมาอ่านบทอ่านในมิสซาให้แล้วปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คือพวกอนุรักษ์นิยม

            ต่อต้านการให้ผู้หญิงขึ้นไปบนบริเวณพระแท่น ผมก็ได้อธิบายให้พวกเขาทราบว่านี่หลังสังคายนาวาติกัน
                                                            �
            ครั้งที่ 2 แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะวันหนึ่งผมกาลังจะเริ่มมิสซา เห็นเยาวชนคนหนึ่งยืนร้องไห้
            อยู่ ถามก็ได้ความว่า ประธานสภาวัดด่าและไม่ให้อ่านบทอ่านด้วย ผมก็โมโหสุดขีดจนต้องใช้ภาษาพ่อขุน
            รามฯ “กูเพิ่งมาจากพระสันตะปาปาเดี๋ยวนี้และพระแท่นที่มหาวิหารนักบุญเปโตรของพระองค์ พระองค์

            ยังทรงให้ผู้หญิงขึ้นไปได้ แล้วพวก...จะใหญ่กว่าสันตะปาปาอีกหรือ”
                    กับสภาวัดนี้ไม่ใช่ธรรมดา ทั้งๆที่เราเป็นคนปั้นเขาขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับความเคารพจากเขาตามสมควร

            เพราะเรายังอายุน้อยเกินไป มีหลายครั้งที่ตกลงกันไม่ได้ เขาบอกให้รอพ่อเจ้าวัดกลับมา เมื่อพวกเขาพา
            กันไปหาท่าน ท่านก็บอกว่า “พ่อไม่ได้เป็นพ่อเจ้าวัด สุดแล้วแต่คุณพ่อนรินทร์จะจัดการ” เจอเข้าบ่อยๆ

            จึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง
                    มันเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงจึงต้องมีปัญหาบ้าง  พวกคนแก่ไม่เห็นด้วยกับพระสงฆ์

            ไม่สวมเสื้อหล่อ  พวกเยาวชนกลับเห็นตรงข้าม  สมัยที่สอนเรียนที่บ้านเณรใหญ่ระหว่างปิดเทอม
            ผมจะมาพักที่ท่าแร่กับพระคุณเจ้าเกี้ยน และมาช่วยงานวัดสมัยคุณพ่อค�าจวนเป็นเจ้าวัด กว่าจะให้

            ชาวบ้านรับศีลด้วยมือได้นั้น ไม่ใช่ธรรมดา ต้องต่อสู้เป็นเวลานาน กว่าจะถวายมิสซาเป็นภาษาไทยได้
            ก็ต้อง “ท�าสงคราม”

                    มาอยู่วัดท่าแร่ครั้งที่สองในฐานะเจ้าอาวาส จากประสบการณ์ของการเป็นปลัดทาให้กลัว
                                                                                          �
            จนนอนไม่หลับเป็นเวลาหลายเดือน แต่ผมคิดว่าที่วัดท่าแร่นี้ผมได้ประสบผลส�าเร็จที่สุดของชีวิตสงฆ์

            ของผม ที่ผมภาคภูมิใจที่สุดคือ “บวร” สภาภิบาลรู้จักบทบาทของตน ความร่วมมือของทางโรงเรียน
                                                  �
            ทาให้สมัยที่ผมเป็นเจ้าวัดนั้นเด็กมาเรียนคาสอนมากกว่าสมัยใด  ผมได้ปั้นบุคลากรขึ้นหลายคน
              �
            ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่จะรับใช้วัดท่าแร่เท่านั้น แต่ทั้งอัครสังฆมณฑลด้วย การได้ร่วมงานกับวัดท่าแร่



            ภาคผนวก                                                                           197
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204