Page 62 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 62
ประเพณีวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ
โดย นายพงษ์ศักดิ์ อุดมเดช นายนิทัศน์ เสมอพิทักษ์
และคุณพ่อมีคาแอล ปริญญา เสมอพิทักษ์
พระศาสนจักรกำาหนดให้วันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ บางท่านก็
เรียกว่า วันระลึกถึงวิญญาณในไฟชำาระ ส่วนชาวท่าแร่นิยมเรียกรวมกันระหว่างวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ
และวันสมโภชนักบุญทั้งหลายว่า “วันฉลองนักบุญทั้งหลาย” ที่จริงแล้ววันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ
เป็นคนละวันกับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ตามที่พระศาสนจักรกำาหนดให้วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวัน
สมโภชนักบุญทั้งหลาย และวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ประวัติศาสตร์การตั้ง
บ้านท่าแร่ได้บันทึกไว้ว่า “คืนหนึ่งหลังการสมโภชนักบุญทั้งหลาย ปี ค.ศ.1884 (พ.ศ.2427) คุณพ่อเกโก
และครูทัน ได้ตัดสินใจย้ายกลุ่มคริสตชน โดยจัดทำาแพใหญ่ ด้วยเอาเรือเล็กและไม้ไผ่มาผูกติดกัน
บรรทุกทั้งคนและสัมภาระลงแพ” จึงแน่ใจได้ว่า คริสตชนชาวท่าแร่ เริ่มประเพณีวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วง
ลับก่อนวันที่จะอพยพมาตั้งภูมิลำาเนาที่ท่าแร่เพียงไม่กี่วัน
ในเดือนตุลาคมทุกปี ชาวท่าแร่จะกระตือรือร้นในการเตรียมทำาบุญอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ มีการถาม
กันว่าในปีนี้จะมีการจุดเทียนเมื่อไร? (ชาวท่าแร่นิยมเรียกวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับว่า “วันจุดเทียน”)
หลุมศพคนนั้นคนนี้อยู่ที่ไหน ใครจะไปทำาความสะอาดหรือทาสีในปีนี้ นอกจากนั้นก็มีการส่งข่าวถึงพี่น้อง
ลูกหลานที่ทำางานหรืออยู่ต่างจังหวัด จะได้กลับมาร่วมทำาบุญได้ถูกวัน พอถึงเดือนตุลาคม ชาวท่าแร่
ก็จะเริ่มขอมิสซาอุทิศแก่ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพราะถือว่าเป็นโอกาสสำาคัญในการทำาบุญอุทิศ
แก่ผู้ล่วงลับ แม้วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับจะเป็นวันที่ 2 พฤศจิกายน แต่วัดท่าแร่ ตั้งแต่สมัย คุณพ่อสำาราญ
วงศ์เสงี่ยม เป็นเจ้าอาวาส จะเลื่อนวันนี้ไปเป็นเสาร์ที่อยู่ใกล้เคียงกับวันที่ 2 พฤศจิกายน ทั้งนี้เพื่อให้
ชาวท่าแร่ที่เป็นข้าราชการ ผู้ที่ทำางานในห้างร้าน บริษัท โรงงาน และผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด มีโอกาสได้มา
ร่วมทำาบุญอย่างสะดวก สบายใจ เพราะวันเสาร์ วันอาทิตย์เป็นวันหยุด
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ บางคนก็เรียกว่า “วันระลึกถึงวิญญาณในไฟชำาระ”
เป็นความเชื่อของคริสตชนว่า เมื่อคนตายไป วิญญาณแยกจากร่างกาย ร่างกายก็จะเปื่อยเน่าไป
ในขณะที่วิญญาณมีสภาพเป็นอมตะ มันจะไม่เน่าสลายแม้หลังจากแยกจากร่างกาย และในการกลับคืนชีพ
วิญญาณก็จะรวมเข้ากับร่างกายอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อคนตาย วิญญาณจะต้องไปปรากฏต่อหน้าพระเจ้าทันที
เพื่อรับการพิพากษาเฉพาะรายบุคคล เพื่อจะได้เข้าสู่สวรรค์ ไฟชำาระ หรือรับโทษนรกในทันใดตลอดกาล
ผลการพิพากษาซึ่งเป็นค่าตอบแทนนิรันดรนั้นขึ้นอยู่กับกิจการที่แต่ละคนได้กระทำา ผู้ที่ตายในสภาวะ
พระหรรษทานและเป็นมิตรกับพระเจ้า แต่ยังไม่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ แม้จะมั่นใจได้ว่าจะได้รับความรอดพ้น
60 ภาคที่ 2 วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ

