Page 64 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 64

เรียกว่า “หลุมปูน” และเมื่อประมาณ 20 ปีกว่ามานี้ เริ่มมีการก่อสร้างหลุมศพด้วยการติดกระเบื้อง หรือ

            ที่เรียกว่า “หลุมกระเบื้อง” ซึ่งในตอนแรกยังบ่งบอกถึงฐานะของผู้ตายด้วย เพราะหลุมกระเบื้องจะมีต้นทุน
            สูงกว่าหลุมปูน และราว 10 ปีมานี้ หลุมศพใหม่ๆ จะถูกสร้างเป็นหลุมกระเบื้องทั้งนั้น และมีหลุมศพเก่าๆ

            จำานวนมากที่ในตอนแรกสร้างเป็นหลุมปูนได้ถูกปรับปรุงไปติดกระเบื้อง หลุมกระเบื้องทำาให้บรรยากาศ
            การลงไปทำาความสะอาดหลุมศพที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือน 20 ปีก่อน มีความคึกคักลดลงอย่างเห็นได้ชัด

            ในตอนนั้นป่าศักดิ์สิทธิ์มีแต่หลุมปูนและหลุมดินเป็นส่วนใหญ่ เพราะหลุมปูนมีขั้นตอนการทำาความสะอาด
            และการทาสี จึงกินระยะเวลามากกว่าหลุมกระเบื้อง คือไม่น้อยกว่าสองวัน วันหนึ่งทำาความสะอาด

            ถางหญ้าบริเวณรอบๆ ขูดเอาเทียนไขออกจากหลุมศพ และล้างหลุมศพ ยิ่งมีญาติพี่น้องผู้ล่วงลับมาก
            ก็ยิ่งใช้เวลาในการทำาความสะอาดมากขึ้น วันต่อมาค่อยทาสีหลุมศพ ในแต่ละปีอาจเปลี่ยนเป็นสีใหม่

            มองดูแล้วสวยงามทั้งป่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกอย่างดูสดใสและใหม่ไปหมด แตกต่างจากหลุมกระเบื้อง
            ที่เปลี่ยนสีหรือทาสีใหม่ไม่ได้ สีหรือลายของกระเบื้องยังให้ความสว่างสดใสน้อยกว่าสีของหลุมปูน

            ดูแล้วไม่สวยงามเหมือนหลุมปูน และยังสามารถทำาความสะอาดภายในวันเดียว บางทีอาจไม่จำาเป็นต้อง
            ล้างหลุมศพ เพียงแต่ขูดเอาเทียนที่ติดแน่นอยู่ออกก็พอ หลุมปูนจึงยุ่งยากกว่า ใช้แรงงานมากกว่า จึงทำาให้

            มีผู้คนลงมาทำาความสะอาดหลุมศพที่ป่าศักดิ์สิทธิ์มากกว่าในปัจจุบัน ในช่วงเวลาก่อนวันภาวนาอุทิศ
            แก่ผู้ล่วงลับ 1-2 สัปดาห์ ที่ป่าศักดิ์สิทธิ์มีแต่เสียงของผู้คน ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พาลูกๆหลานๆ

            มาทำาความสะอาดหลุมศพ มีการพูดคุยทักทาย หรือถามไถ่ว่าจ้างให้ทาสีหลุมศพ มีเสียงเพลงจากวิทยุ
            การเผาขยะและหญ้า เป็นบรรยากาศที่มีความสุขจริงๆ และก็มีอาชีพเฉพาะกิจเกิดขึ้นด้วย คือ การรับจ้าง

            ทาสีและเขียนป้ายชื่อหลุมศพ บางทีเพราะความสะดวกกว่า ประกอบกับลูกหลานที่คอยดูแลรักษา
            ทำาความสะอาดหลุมศพมีจำานวนลดน้อยลงกว่าแต่ก่อน จึงทำาให้หลุมกระเบื้องเป็นที่นิยม

                    เย็นวันศุกร์ก่อนวันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ วัดท่าแร่จัดให้มีพิธีมิสซา ถือเป็นมิสซาสำาหรับปิดเดือน
            แม่พระด้วย ปกติประธานในมิสซาของวันนี้คือคุณพ่ออุปสังฆราช มิสซาเริ่มเวลา 19.00 น. มีขึ้นที่โรงเรือน

            บรรจุศพพระสงฆ์ ซึ่งได้มีการตกแต่งบริเวณพิธีอย่างสวยงาม จัดเก้าอี้ กางเต็นท์สำาหรับผู้มาร่วมพิธี ดังนั้น
            พอเวลาประมาณ 18.00 น. ชาวท่าแร่ก็จะอุ้มลูกจูงหลานพากันลงไปป่าศักดิ์สิทธิ์ ไปจุดเทียนตามหลุมศพ

            ของญาติพี่น้องและคนที่รู้จักมักคุ้น ทุกหลุมศพจะมีเทียนส่องสว่างมากบ้างน้อยบ้าง แสงเทียนทอประกาย
            เรืองรองระยิบระยับทั่วบริเวณป่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นทัศนียภาพที่งดงามน่าประทับใจยิ่งนัก มนต์ขลังของ

            แสงเทียนยามค่ำาคืนนี้เองที่เหนี่ยวโน้มจิตใจของชาวท่าแร่ที่อยู่แดนไกล ให้คิดถึงบ้านและกลับมาในโอกาส
            วันจุดเทียนและฉลองนักบุญทั้งหลายทุกๆ  ปี  หลังจากเสร็จพิธีมิสซา  ชาวบ้านก็กลับบ้านเรือน

            บางกลุ่มญาติ บางกลุ่มเพื่อน ก็จัดให้มีการสังสรรค์เลี้ยงข้าวปลาอาหารกัน สนุกครื้นเครงกันตามสมควร
            ปีหนึ่งพบกันครั้งหนึ่ง ซึ่งบางคนเรียกว่าวันนี้ว่า “วันรวมญาติ”

                    เช้าวันเสาร์รุ่งขึ้น วันนี้เป็นหัวใจของการภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ชาวท่าแร่จะตื่นนอนตั้งแต่
            ตีสอง (02.00 น.) พอถึงตีสามตีสี่ (เวลา 03.00-04.00 น.) ก็จะพากันไปที่ป่าศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเทียนและ

            ช่อดอกไม้ จะจุดเทียนที่หลุมศพและวางช่อดอกไม้ด้วย อันที่จริงตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 แล้ว คริสตชนมีประเพณี



            62                                                         ภาคที่ 2  วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69