Page 69 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 69

ได้พักผ่อน ประการที่สาม ศาลาประชาคมมีความกว้างขวางรับแขกคนได้มาก มีความพร้อมทั้งแสง เสียง

            และภาชนะอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ พอถึงเวลาพิธีมิสซาศพ ก็เคลื่อนศพจากศาลามายังวัด ระยะทางใกล้
            ไม่เสียเวลา หลังจากฝังศพก็เชิญแขกกลับมาร่วมรับประทานอาหารที่ศาลาแล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้าน

            อีกประการหนึ่งที่ตั้งศพที่ศาลาของวัด เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะแบบแปลนบ้านเรือนในปัจจุบันไม่เหมือน
            เมื่อก่อน ภายในบ้านจะมีห้องหับมากมาย จนไม่เหลือพื้นที่เพียงพอ ไม่เหมือนบ้านในสมัยก่อนที่มีระเบียง

            และชานบ้านกว้างขวาง และคนในหมู่บ้านก็ยังมีจำานวนน้อย แต่เดี๋ยวนี้มีผู้คนไปร่วมภาวนาในงานศพ
            ศพละประมาณ 300-400 คน ซึ่งต้องการพื้นที่สำาหรับจอดรถยนต์ด้วย การจัดพิธีศพที่ศาลาจึงมีความ

            สะดวกมากกว่าตั้งศพที่บ้าน ถึงกระนั้น การจะตั้งศพไว้ที่บ้าน หรือที่ศาลา ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ
            ของเจ้าภาพ แต่พื้นที่บริเวณใช้งานก็คือเหตุผลหลักของการเลือกใช้ศาลา

                    ขณะที่ตั้งศพไว้ที่บ้าน หรือที่ศาลาพักศพ เมื่อพี่น้องและชาวบ้านทราบข่าวการตายจากการประกาศ
            ทางหอกระจายเสียงของวัด และจากการบอกข่าวของเพื่อนบ้าน พี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงก็จะมาช่วยจัด

            สถานที่ตั้งศพ จัดสถานที่รับผู้คนที่จะมาร่วมภาวนาในตอนเย็น บางคนก็จะนำาข้าวสาร เทียน พืชผักที่มีใน
            สวน มามอบให้เจ้าภาพเพื่อช่วยในงานศพ บางคนก็ช่วยเป็นเงินตามอัตภาพ ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมทำาบุญ

            อุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ชาวท่าแร่เรียกว่า “กินทาน” ในปัจจุบันชาวบ้านตั้งกลุ่มฌาปนกิจ การเข้าร่วมเป็นสมาชิก
            ของกลุ่ม ชาวท่าแร่เรียกว่า “เข้าพรรค” ในท่าแร่มีหลายกลุ่มหลายพรรค ซึ่งสามารถเข้าเป็นสมาชิกได้หลาย

            กลุ่มตามความต้องการ เมื่อมีผู้เสียชีวิต สมาชิกในกลุ่มก็ช่วยศพละ 20-30 บาทแล้วแต่จะตั้งเป็นระเบียบ
            ของแต่ละกลุ่ม ผู้เป็นสมาชิกเมื่อถึงแก่กรรมก็มีเงินพอจัดงานศพ ไม่เดือดร้อนลูกหลาน ส่วนการจัดทำา

            อาหารเลี้ยงแขก การบริการอาหารในงาน พี่น้องและคนบ้านใกล้เรือนเคียงจะช่วยกันทำาด้วยความเต็มใจ
            ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณ

                    สมัยหลังปี ค.ศ.1967 (2510) ย้อนคืนไป ที่บ้านศพตอนกลางคืนหลังการภาวนา จะมีหนุ่มสาว
            บ้านใกล้เรือนเคียง หรือผู้ที่รู้จักมักคุ้นกันในหมู่บ้านมาร่วมงานได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน จีบกันบ้าง

            เล่นเกมพื้นบ้านกันบ้าง เกมพื้นบ้านที่หนุ่มสาวนิยมเล่นกันสมัยนั้นได้แก่ ไม้หมากพาด เก็บหมากหอย
            ทายปัญหา  เกมคล้องช้าง  หมากเสียดปูนยา  ผู้แพ้จะถูกตีหรือให้ร้องเพลง  ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ก็เล่น

            หมากเสือกินหมู ต่อมามีเกมเพิ่มขึ้น เช่น หมากฮอร์ส ดอมมิโน แต่การพนัน เช่น ไพ่ ไฮโลว์ ไม่เป็นที่นิยม
            ทางวัดก็มีข้อห้ามเด็ดขาด หากมีการลักลอบขโมยเล่นการพนันคุณพ่อเจ้าวัดรู้ คุณพ่อจะไม่ทำามิสซาให้

            และจะไม่ไปส่งศพด้วย การละเล่นต่างๆในบ้านศพจะเลิกเวลาประมาณห้าหกทุ่ม  ปัจจุบันการละเล่น
            ดังกล่าวไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่หลังจากภาวนาเสร็จก็จะมีการฉายวีดีทัศน์แทน

                    เมื่อก่อนการจัดทำาโลงศพ ชาวบ้านก็จะช่วยกันทำา เพราะไม่มีโลงศพขายเหมือนเดี๋ยวนี้ โลงศพ
            จะทำาด้วยไม้กระดานสี่แผ่น ทำาเป็นโลงสี่เหลี่ยมไม่มีรูปทรงอื่น ใช้ชันอุดรอยต่อและรอยแตก สีทาโลงศพ

            ทำาด้วยถ่านไฟบดเป็นผงผสมกับแป้งเปียกเหลวๆ ทาโลงศพเป็นสีดำา เมื่อแห้งดีแล้ว ก็ใช้สีขาวเขียนลาย
            หรือใช้ชอล์คสีขาวเขียนลาย แม้ลายโลงศพจะสวยงามแต่ก็น่ากลัว เด็กๆ จะไม่เข้าใกล้ แล้วตัดไม้ไผ่มาทำา

            เป็นคานหาม ให้คน 10-15 คนเข้าหามได้ เมื่อวางโลงศพบนไม้คานหามแล้ว จะมีโครงครอบโลงศพ



            ภาคที่ 2  วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ                                                   67
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74