Page 73 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 73

การที่หนุ่มสาวที่ชอบพอกันไปบอกรักกันเรียกว่า “จีบสาว” ภาษาชาวท่าแร่เรียกว่า “คุยสาว”

            เมื่อหนุ่มสาวมีอายุพอสมควร มีความสามารถจะทำามาหากินเลี้ยงครอบครัวได้ หนุ่มก็จะสอดส่องหาสาว
            ที่ตนพอใจ แล้วหาทางจีบ การจีบสาวต้องไปจีบที่บ้านของสาวเวลาประมาณหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่ม

            โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอม และจะได้อยู่ในการดูแลของพ่อแม่ฝ่ายหญิง ไม่มีการไปจีบสาวตามโรงหนัง
            หรือจีบสาวทางโทรศัพท์เหมือนในปัจจุบัน เมื่อหนุ่มสาวรักกันและตกลงใจจะแต่งงานกัน ฝ่ายชายจะบอก

            พ่อแม่ของตนให้หาผู้ใหญ่ไปตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง ในเรื่องการหมั้น หรือถ้าไม่หมั้นจะแต่งเลย ก็ต้อง
            ตกลงเรื่องสินสอดเป็นเงินเท่าไร เป็นทองเท่าไร จะจัดงานแต่งเมื่อไร เมื่อแต่งงานแล้ว ฝ่ายชายจะไปอยู่

            บ้านของฝ่ายหญิงเรียกว่า “ไปสู่เมีย” หรือฝ่ายหญิงจะไปอยู่บ้านของฝ่ายชายเรียกว่า “ไปสู่ผัว” เมื่อตกลง
            เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งสองฝ่ายก็จะเตรียมการแต่งงาน

                    การเตรียมตัวเพื่อรับศีลสมรส พ่อแม่ หรือหนุ่มสาวต้องไปแจ้งคุณพ่อเจ้าวัด เพื่อคุณพ่อเจ้าวัดจะ
            ได้ประกาศให้สัตบุรุษในเขตวัดได้ทราบและแจ้งข้อขัดขวางถ้ามี นอกจากนั้นจะต้องไปเรียนคำาสอนเตรียม

            แต่งงานตามเวลาที่คุณพ่อเจ้าวัดกำาหนด ส่วนฝ่ายหญิงก็จะเป็นฝ่ายเตรียมที่นอน หมอน มุ้งและสิ่งของ
            จำาเป็น เพื่อเป็นครอบครัวใหม่ และจัดหาของสมนาคุณเพื่อใช้ในการกราบขอพรและขอคำาสั่งสอนจาก

            ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดทั้งสองฝ่าย ทุกวันนี้มักจะจัดการแต่งงานในโรงแรมหรือในหอประชุม จะมีการจัดของชำาร่วย
            แจกผู้มาร่วมงาน การกราบไหว้ผู้ใหญ่จะเป็นการทำาภายในเครือญาติเท่านั้น

                    การแต่งงานจะมีสองภาค ภาคแรกเป็นวันสู่ขอ ภาคที่สองเป็นวันแต่งงานมีพิธีศีลสมรสที่วัด
            แต่บางรายเพื่อประหยัดเวลาก็จะทำาทั้งสองภาคในวันเดียวกัน เช่นสู่ขอในตอนเช้า เข้าวัดในตอนบ่าย

             ในวันสู่ขอฝ่ายชายจะเตรียม สิ่งของต่างๆ เช่น พาหมาก พาเสียด (คนสมัยนั้นยังนิยมกินหมาก) สินสอด
            เป็นทอง (เครื่องประดับ) เงิน (ธนบัตร) ใส่ในขันขอ มากน้อยตามที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ เมื่อถึงเวลานัดหมาย

            ญาติพี่น้องฝ่ายชายจะตั้งขบวนแห่ขันหมากจากบ้านเจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาว ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็จะเตรียม
            รับที่บ้านเจ้าสาว เมื่อขบวนขันหมากถึงบ้านก็จะมีการเจรจาสู่ขอตามประเพณี แล้วมอบสินสอดให้แก่ฝ่าย

            หญิง เสร็จแล้วก็ร่วมรับประทานอาหาร เป็นอันเสร็จพิธีในการสู่ขอ ในเย็นวันนั้น จะมีการ “งันดอง” เป็นการ
            แสดงความยินดี ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและ เจ้าสาว จะมีการให้ ของขวัญ หรือเงินช่วยงาน

            แต่งงาน เรียกว่า “ซ้อยดอง” มีการเลี้ยงอาหาร มีการร้องรำาทำาเพลงจนดึกดื่นเที่ยงคืนจึงเลิก ปัจจุบันนี้การ
            “งันดอง” ไม่ค่อยมีให้เห็นอีกแล้ว การช่วยงานแต่งงานก็จะเอาเงินสอดซองบัตรเชิญ ส่งคืนให้แก่ฝ่ายที่เชิญ

            เวลาไปร่วมงานเลี้ยง แต่ก่อนนั้นไม่มีบัตรเชิญ แต่จะเชิญด้วยปากโดยการแบ่งหน้าที่ให้ญาติไปเชิญพี่น้อง
            และคนรู้จัก  เรียกว่า “ไปเว้าดอง” ซึ่งเป็นโอกาสให้พี่น้องได้มีส่วนร่วมในงานนี้ด้วย

                    ในวันที่มีพิธีศีลสมรสในวัด เจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่พยาน แต่งตัวสวยงาม พร้อมด้วยญาติพี่น้อง
            และแขกรับเชิญลงมาที่วัดเพื่อร่วมพิธี เมื่อพิธีศีลสมรสในวัดเสร็จเรียบร้อย ก็จะออกมาตั้งขบวนแห่

            ที่หน้าวัด หนุ่มๆ เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะตีกลองร้องเพลงนำาหน้าขบวน บางคนอาจเหยาะย่างร่ายรำา
            ไปด้วยตามด้วยกลุ่มผู้หลักผู้ใหญ่แขกเหรื่อ เมื่อก่อนไม่มีการแห่ด้วยรถยนต์เหมือนในปัจจุบัน เพราะ

            การเดินแห่เป็นการให้เกียรติและเป็นกำาลังใจแก่คู่บ่าวสาว



            ภาคที่ 2  วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ                                                   71
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78