Page 99 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 99

เปิดจิตใจไปสู่ผู้อื่น ผลที่ตามมาคือ อาจกล่าวได้ว่า ความรักต่อเพื่อนบ้านจะไม่เป็นบัญญัติที่นำามาใช้บังคับ

            พวกเขาภายนอกอีกต่อไป แต่ผลที่เกิดจากความเชื่อ ความเชื่อที่กระทำาโดยอาศัยความรัก” (สารมหาพรต
            ปี 2013 ข้อ 1, เทียบ DCE 31)

                    บีอีซีที่ดำาเนินไปอยู่ในขณะนี้เป็นกิจกรรมภายในพระศาสนจักร จึงมีส่วนทำาให้คริสตชนได้พบปะ
            กับพระเจ้าในพระคริสตเจ้า ผู้ทรงตรัสกับเราอยู่ทุกวัน ที่นี่และในขณะนี้ ในรูปแบบต่างๆ ในพระศาสนจักร

            ผู้ฟังพระวาจา เพราะนั่นไม่ได้หมายถึงเพียงการได้อ่านหรือได้ฟังพระวาจาที่ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
            ในพระคัมภีร์ในการประชุมบีอีซีเท่านั้น ตามที่ได้เข้าใจก่อนนี้แล้ว เพราะเพียงแต่การเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรม

            บีอีซี ทำาการประชุมกับเพื่อนสมาชิกก็เป็นประหนึ่งการฟังพระวาจาอยู่แล้ว ดังนั้นบีอีซีจึงไม่ได้เป็นอะไรที่
            เกิดขึ้นต่างหากหรือเคียงคู่ไปกับความเชื่อในพระคริสตเจ้าและชีวิตทางศีลศักดิ์สิทธิ์ (เทียบ DCE 14)

            บีอีซีเป็นการดำาเนินชีวิตแห่งความเชื่อร่วมกันของชุมชนคริสตชน ในแง่หนึ่งก็เป็นการดำาเนินชีวิตทาง
            ศีลศักดิ์สิทธิ์ (sacramental life) โดยเฉพาะศีลมหาสนิท เพราะสมาชิกแต่ละคนได้ออกจากตนเอง เพื่อทำา

            กิจกรรมทางความเชื่อร่วมกัน ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องคริสตชน
                    ดังนั้น กิจกรรมบีอีซีจึงร่วมอยู่ในกระแสธารชีวิตของพระศาสนจักร เพื่อก่อร่างสร้างชีวิตคริสตชน

            แต่ละคน ปรับเปลี่ยนตนเองให้ละม้ายคล้ายกับพระคริสตเจ้ามากยิ่งขึ้น ในความรักที่ครบครันของพระเจ้า
            ในองค์พระคริสตเจ้า ด้วยพระหรรษทานของพระจิตเจ้า ซึ่งผลักดันเราได้เปิดตนเองไปสู่ผู้อื่น ในความหมาย

            ของการให้ตนเอง (self-giving) ดังที่พระคริสตเจ้าทรงมอบพระองค์เองแก่เรา (ดู DCE 12, 14 และ 19)
            ความสนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้านี้เริ่มต้นขึ้นจากศีลล้างบาป ได้รับการรื้อฟื้นและทำาให้

            มั่นคงด้วยการมีส่วนร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยเฉพาะการมีส่วนอย่างครบบริบูรณ์ ซึ่งเกิดขึ้นใน
            การรับศีลมหาสนิท (ดู EE 22) ความเป็นหนึ่งเดียวอันเป็นเงื่อนไขที่มีมาก่อนที่พิธีบูชาขอบพระคุณจะช่วย

            ให้ครบสมบูรณ์ โดยเฉพาะในการรับศีลมหาสนิท อาศัยความสัมพันธ์ทางศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่ละคนได้กลาย
            เป็นคนเดียวกันกับพระคริสตเจ้า การเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสตเจ้าก็คือการเป็นหนึ่งเดียวกันกับ

            ทุกคนที่พระคริสตเจ้าทรงมอบพระองค์ให้แก่เขาเหล่านั้นด้วย (เทียบ 1คร 10:17) กล่าวคือศีลมหาสนิท
            ผลักดันให้เราออกไปจากตนเองไปหาพระคริสตเจ้า และไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องคริสตชน

            ทุกคน (ดู DCE 14) จึงอาจสรุปได้ว่า แท้จริงแล้วชีวิตจิตของคริสตชนก็คือชีวิตจิตแบบศีลมหาสนิท
            ในฐานะที่เป็นธรรมล้ำาลึกที่ต้องเจริญชีวิต ชีวิตจิตแบบนี้ครอบคลุมชีวิตทั้งชีวิตของบุคคลนั้น ตรงกันข้าม

            “ศีลมหาสนิทที่ไม่ก่อให้เกิดการปฏิบัติความรักที่เป็นรูปธรรมย่อมบกพร่องในตัวมันเอง” (DCE 14)  เพราะ
            เหตุนี้พระศาสนจักรจึงยืนยันว่า “ศีลมหาสนิทเป็นแหล่งที่มาและจุดสุดยอดของชีวิตคริสตชน” (LG 11)

            เป็นรากแก้วของความศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบ (Sacramentum Caritatis, 94) นั่นคือ “ศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ
            ตลอดจนการปฏิบัติงานทุกอย่างของพระศาสนจักร ทั้งงานแพร่ธรรมทุกชนิด ล้วนแต่เกี่ยวโยงถึง

            ศีลมหาสนิทและมุ่งไปยังศีลมหาสนิททั้งสิ้น เพราะศีลมหาสนิทมีขุมมหาสมบัติฝ่ายจิตของพระศาสนจักร
            ไว้ทั้งหมด คือองค์พระคริสตเจ้าเอง ผู้เป็นปัสกาของเรา” (กฤษฎีกาสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ว่าด้วย

            การปฏิบัติงานและชีวิตของพระสงฆ์ (Prebyterorum Ordinis) อ้างใน CCC 1324) และเมื่อนักบุญเทเรซา



            ภาคที่ 2  วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ                                                   97
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104