Page 95 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 95
เป้าหมายใช้ปลุกเร้าให้เกิดการทำาบีอีซี พระศาสนจักรไม่ปฏิเสธผลดีภายนอกที่จะเกิดขึ้นจากความก้าวหน้า
ฝ่ายจิต “พระศาสนจักรเผยแผ่สิ่งประเสริฐแห่งความเชื่อฝ่ายจิตใจ ก็ได้เอื้อประโยชน์ให้กับการพัฒนา
ความเป็นอยู่ที่ไม่ถาวรให้ดีขึ้น ซึ่งบ่อยๆ ก็ได้เปิดหนทางใหม่ๆอยู่แล้ว เหตุฉะนี้ ในช่วงเวลาเป็นศตวรรษๆ
้
้
ิ
ึ
ี
้
็
ำ
้
ไดมการทาใหพระวาจาของพระเจาเปนจรงขนมา ‘จงแสวงหาพระอาณาจกรของพระเจาและความชอบธรรม
้
ั
ของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้’”(CCC 1942) ทำานองเดียวกัน งานเมตตากิจ
ใดๆอันเนื่องจากบีอีซีก็ไม่ได้มาจากการเล็งเห็นผลภายนอก แต่มาจากความต้องการมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง
ตนจากภายในเป็นอันดับแรก “พวกเขาจะต้องไม่ได้รับแรงบันดาลใจจากอุดมการณ์ต่างๆ ที่มุ่งไป
ในการพัฒนาโลกให้ดีขึ้นเท่านั้น หากแต่จะต้องถูกนำาโดยความเชื่อซึ่งทำางานโดยอาศัยความรัก
(เทียบกท 5:6)” (DCE 33) หมายความว่า ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ที่แสดงออกในงานเมตตากิจต้องเป็น
ความรักที่ได้รับการหล่อเลี้ยงมาจากการสัมผัสหรือพบปะกับพระคริสตเจ้า (ดู DCE 34) บีอีซีจึงไม่ใช่
เครื่องมือที่จะนำามาเปลี่ยนแปลงโลกหรือมีไว้เพื่อรับใช้กุศโลบายฝ่ายโลก แต่เป็นวิธีที่จะทำาให้เราได้พบปะ
กับพระคริสตเจ้าและตอบรับความรักของพระองค์ โดยการรักตอบ ณ ที่นี่ และบัดนี้ (เทียบ DCE 31)
เพื่อให้ผู้เป็นของพระคริสตเจ้าได้ตระหนักถึงกระแสเรียกของตนบนโลกนี้อย่างถูกต้อง พระสันตะปาปา
เบเนดิกต์ที่ 16 ทรงย้ำาว่า “ไม่มีมนุษย์คนไหนจะทำาให้โลกดีขึ้นกว่าเดิมได้ เราทำาให้โลกดีขึ้นได้ก็โดยอาศัย
การทำาดีด้วยตัวของเราเอง ณ บัดนี้ ด้วยสำานึกในหน้าที่ และในทุกครั้งที่เรามีโอกาส และทำาโดยเป็นอิสระ
จากกลยุทธ์ใดๆที่มีสิ่งแอบแฝง” (DCE 31) จะเห็นว่า พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงย้ำาว่าการ
ตอบรับพระวาจานั้นเกี่ยวข้องกับคริสตชนทุกคน ณ ที่นี่ และ บัดนี้ อันที่จริงแล้วก็มีความหมายในทำานอง
เดียวกันกับสิ่งที่พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ยืนยันถึงศักดิ์ศรีของความเป็นบุคคลมนุษย์ที่ทะยาน
ข้ามพ้น (to transcend) สภาพทางสังคมทุกระบบ สภาพความชั่วร้ายของสังคมแวดล้อมไม่สามารถที่จะ
ขวางกั้นคริสตชนแต่ละคนจะได้ทำาให้น้ำาพระทัยของพระเจ้า (God’s will) สำาเร็จไปได้ เช่นเดียวกันสภาพ
ที่ดีขึ้นของสังคมก็ไม่ได้ประกันว่าน้ำาพระทัยของพระเจ้าได้ถูกทำาสำาเร็จไปแล้วในคริสตชนนั้นๆ หรือรับ
ประกันว่าจะถูกทำาให้สำาเร็จไปอย่างแน่นอนด้วยสภาพสังคมที่ดี ตามที่เข้าใจกันว่าความศักดิ์สิทธิ์คือ
การทำาให้น้ำาพระทัยของพระเจ้าสำาเร็จไป ความศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากความสมบูรณ์ครบครันของความรักนั้น
เป็นการมอบตนเองทั้งครบเพื่อทำาให้พระประสงค์หรือน้ำาพระทัยของพระเจ้าสำาเร็จไป ณ ที่นี่ และ บัดนี้
ในทุกกิจการตามสถานภาพชีวิตของตน
เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนขึ้น ให้เรามองที่ชีวิตและคำาสอนของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์
เช่นเดียวกัน ท่านก็เข้าใจความศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนในฐานะเป็นสภาพแห่งความสมบูรณ์ครบครัน
ของความรัก (perfection of charity) ท่านยังได้รับแสงสว่างเรื่องนี้มาจากคำาสอนของนักบุญยอห์นแห่ง
ไม้กางเขนด้วย ซึ่งทำาให้ท่านกล่าวอย่างมั่นใจว่า ใครก็ตามที่อยู่ในความรัก ก็อยู่ที่หัวใจของพระศาสนจักร
จึงอยู่ในการงานทุกอย่างของพระศาสนจักรด้วย “ความรักเป็นกุญแจไขกระแสเรียกของดิฉัน ดิฉันเห็นว่า
ถ้าพระศาสนจักรเป็นร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ กัน... พระศาสนจักรจำาเป็นต้องมี หัวใจ (heart)
และหัวใจนี้ต้องลุกไหม้ด้วยความรัก ดิฉันเห็นว่าความรักเท่านั้นที่ขับเคลื่อนอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ภาคที่ 2 วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ 93

