Page 96 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 96
และหากความรักนี้ขาดหายไป ธรรมทูตก็ไม่เผยแผ่พระวรสาร มรณสักขีก็ปฏิเสธที่จะหลั่งโลหิต ดิฉัน
เห็นว่ากระแสเรียกทั้งมวลรวมอยู่ในความรัก และความรักคือทุกสิ่ง ในทุกสิ่ง โอบอ้อมทุกกาลเวลา
และสถานที่ เพราะความรักเป็นนิรันดร์ ...กระแสเรียกของลูกคือความรัก ลูกได้ค้นพบตำาแหน่งของลูก
ในดวงใจของพระศาสนจักร เป็นตำาแหน่งที่พระองค์เอง (พระเยซูเจ้า) ได้ประทานแก่ลูก” (ดู บันทึกวิญญาณ
ของนักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์, บทที่ 11 หน้า 227-31) และพระศาสนจักรก็ได้แต่งตั้งท่านให้เป็น
องค์อุปถัมภ์การแพร่ธรรม เคียงคู่กับนักบุญฟรันซิส เซเวียร์ ทั้งๆ ที่ตลอดทั้งชีวิตของท่านไม่เคยไปประกาศ
ข่าวดีที่ไหน และใช้ชีวิตอยู่แต่ในอารามคาร์แมลไลท์ แต่ด้วยชีวิตดังคำาเตือนของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน
ที่ให้ว่า คริสตชนควรทำาภารกิจทั้งหมดของตนโดยมุ่งไปที่การปฏิบัติหน้าที่ความรักต่อพระเจ้า ไม่มีงานใด
ยิ่งใหญ่และจำาเป็นมากกว่าความรัก ดังนั้นกิจกรรมทุกอย่างต้องมุ่งสู่ความรักที่บริสุทธิ์ “จำานวนน้อยนิด
ของความรักที่บริสุทธิ์นี้มีค่ามากกว่าสำาหรับพระเจ้าและวิญญาณ และมีประโยชน์ต่อพระศาสนจักรมากกว่า
งานอื่นๆ เหล่านี้ทั้งหมดรวมกัน แม้ดูเหมือนว่าเราไม่ได้ทำาอะไรเลยก็ตาม” (เพลงจิต, บทเพลงที่ 29)
การดำาเนินกิจกรรมบีอีซีในท่าแร่ไม่ได้นำาไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องความรักแบบ
คริสตชน ที่ยืนยันเช่นนี้ก็เพราะวิธีการของบีอีซีแสดงออกเป็นขบวนการกลุ่มในการประกอบเมตตากิจและ
ในการร่วมแรงร่วมใจอื่นๆ อันสะท้อนถึงลักษณะเด่นชัดของพระศาสนจักร คือความรักความเป็น
หนึ่งเดียว (caritas) และประกอบกับบริบทวิธีคิดตั้งแต่ยุค Enlightenment(ศต.17-18) ที่พยายามดึงศาสนา
มาสู่ความเข้าใจด้วยเหตุผลของมนุษย์ ดังที่คุณพ่อ Roch Kereszty ให้ข้อสังเกตว่าได้เกิดขึ้นในพระศาสนจักร
ด้วย (ดู“DEUS CARITAS EST: A Potential to Renew Christian Life and Thought” ใน Communio)
ในความพยายามอันหลากหลายที่จะสรุปแก่นแท้ของคริสต์ศาสนา (essence of Christianity) ซึ่งหลายคน
ก็ได้สรุปแก่นแท้ของคริสต์ศาสนา โดยกล่าวว่า คือความรัก ตามแนวทางนี้ตั้งแต่หลังยุคสังคายนาวาติกัน
ที่ 2 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ของความคิดเกี่ยวกับแก่นแท้ของคริสต์ศาสนาที่มาจากการลดทอนซึ่งผูกมัดกับ
ข้อความว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” มักนำาไปสู่ความเข้าใจผิดและบิดเบือนในเรื่องความเชื่อ ศีลธรรม
และเทววิทยา ด้วยรูปแบบกิจกรรมบีอีซีเองและด้วยวิธีทำาความเข้าใจที่ลดความซับซ้อนเชิงธรรมล้ำาลึก
ั
่
้
ิ
์
่
ิ
็
ี
็
ิ
ำ
้
ของครสตศาสนา (ทงทเปนผลจากการเปนศาสนาแหงการเปดเผยความจรงของพระเจา ซงเปนธรรมลาลก
ึ
ึ
้
็
่
ในตัวมันเอง) ดังกล่าว ชวนให้หลงผิดเอาง่ายๆ จนกระทั่งลดทอนชีวิตคริสตชนไปสู่รูปแบบอื่น
ด้วยการมองชีวิตคริสตชนเพียงด้านเดียว คือการแสดงออกในความรักด้วยเมตตากิจ หรือกลายเป็นเรื่อง
ของจริยธรรมแต่อย่างเดียว (ดู สารมหาพรต 2013 ข้อ 3) เมื่อพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ลิขิต
พระสมณสาส์นเรื่องพระเจ้าทรงเป็นความรัก (DCE) ทรงหลีกเลี่ยงการลดทอนที่นำาไปสู่ความเข้าใจผิดและ
บิดเบือนความครบบริบูรณ์ของธรรมล้ำาลึกของคริสต์ศาสนาด้วยประโยคแรกๆ ของพระสมณสาส์นว่า
เราเชื่อในความรักของพระเจ้า และนำาข้อความจากพระคัมภีร์ของนักบุญยอห์นมากล่าวอ้าง “พระเจ้า
ทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อใน
พระบุตร... จะมีชีวิตนิรันดร (ยน 3:16) ” เพื่อจะแสดงว่า ความรักของพระเจ้าถูกเปิดเผยในพระบุคคลและ
ในงานของพระเยซูคริสตเจ้า ความรักที่มุ่งไปที่พระบุคคลและเหตุการณ์ (event) ของพระเยซูเจ้าดังนี้
94 ภาคที่ 2 วิถีชุมชนแห่งความเชื่อ

