Page 206 - หนังสืออนุสรณ์ 125 ปี ท่าแร่
P. 206

ขบวนแห่ดาวนั้นยาวเหยียด เดินแห่กันรอบหมู่บ้านท่ามกลางความหนาว แต่ทุกคนก็ชอบ จากนั้นทุกคน

            จะเฝ้าชมการแสดงบนเวทีของเด็ก เยาวชนจนกว่าจะถึงเวลามิสซารอบดึกหรือเที่ยงคืน คืนวันคริสต์มาส
            อาจมีความหมายพิเศษส�าหรับเด็กๆ เพราะจะได้ของขวัญ รางวัลหรือจะได้ขึ้นแสดงบนเวที

                    ค่านิยมที่น่าชมอย่างหนึ่งของพ่อแม่ในบ้านท่าแร่ของเราคือ ถ้ามีลูกชายจะส่งเสริมให้เข้าบ้านเณร
            กระแสเรียกในบ้านท่าแร่จึงเบ่งบาน ทุกปีจะมีเด็กๆ สมัครเข้าบ้านเณรมากมาย ผมจ�าได้ว่า เวลาผมอยู่

            บ้านเณรเล็กฟาติมาท่าแร่ มีเณรที่เป็นลูกวัดท่าแร่ 40 กว่าคน ถือว่าเป็นหมู่บ้านครองอันดับหนึ่งเสมอใน
                                                                                             �
                                                                                         �
                                                      �
            บ้านเณรที่มีเณรจานวนมาก เนื่องจากพวกเรามีกันจานวนมาก ปิดเทอมกลับมาบ้านทีไรก็เป็นกาลังสาคัญ
                           �
            ช่วยงานวัด โดยรุ่นพี่ๆ จะน�ารุ่นน้องมาท�างานที่วัด หรือช่วยพิธีกรรมต่างๆ
                    ภาพในอดีตเหล่านี้อาจเป็นแค่บางส่วนของความทรงจาที่ผมอยากจะเล่า  ซึ่งบางอย่าง
                                                                    �
            อาจหายไปแล้ว แต่ก็มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย วิถีชีวิตของคนท่าแร่จะยังคงเชื่อมโยง
            กับวัด กับวิถีแห่งความเชื่อความศรัทธาในพระเป็นเจ้าต่อไป





                                     คิดถึงท่าแร่เมื่อ 60 กว่าปีที่ผ่านมา

                        “จงสรรเสริญและขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกกรณีของชีวิต” (1ธส.5:18)

                                        โดย ซิสเตอร์โดนาตา พีรพงศ์พิพัฒน์



                    เมื่อ 60 กว่าปีที่ผ่านมา หมู่บ้านท่าแร่ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้�าประปา มีรถยนต์วิ่งในหมู่บ้านน้อยมาก
            ถนนหนทางลูกรัง ทุกเช้าจะได้ยินเสียงระฆังพรหมถือสารจากวัดปลุกให้ตื่นนอน ก่อนออกจากบ้านไม่ลืม

            ที่จะเอาเสื่อผืนเล็กๆ ไปปูนั่งที่วัด เพราะที่วัดไม่มีเก้าอี้นั่ง นี่เป็นกิจวัตรของการไปมิสซาทุกเช้า เมื่อออก
            จากบ้านถึงถนนหน้าบ้านจะพบเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิง ตลอดทั้งผู้ใหญ่ในคุ้มทั้งเดินและขี่จักรยานไป

                            �
            ร่วมมิสซาเช้าประจาวัน พวกเราเด็กๆ ทั้งเดินและคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ในฤดูหนาวยิ่งสนุกและหัวเราะ
            เพราะเวลาพูดคุยกันจะเห็นควันออกจากปากของเพื่อนๆ หลายครั้งพวกเราวิ่งด้วย เดินด้วยแข่งกันว่า

            ใครจะถึงวัดก่อนในวัดมีแท่นใหญ่ตรงกลาง 1 แท่น และแท่นเล็กตามปีกของวัด พวกเราร่วมมิสซา
            แท่นใหญ่ มิสซาเป็นภาษาลาตินทั้งหมด แม้ไม่เข้าใจแต่ก็ตั้งใจร่วมมิสซาอย่างศรัทธา คุณพ่อถวายมิสซา

            หันหลังให้สัตบุรุษสวดเป็นท�านอง ท�าให้จ�าได้ง่าย ทุกอย่างท่องขึ้นใจ วันจันทร์หลังมิสซาเช้าคุณพ่อแท่ง
            เจ้าวัดจะถามว่าใครขาดมิสซา? และขาดรับพร? (รับพร หมายถึงการมาสวดวันอาทิตย์บ่าย 3 โมง ซึ่งมี

            การสวดลูกประค�า ฟังคุณพ่อเกี้ยน  เสมอพิทักษ์ ที่เป็นปลัด จะเล่าพระธรรมเดิมให้ฟัง แล้วต่อด้วยอวยพร
            ศีลมหาสนิท) เด็กที่ขาดมิสซาและขาดรับพรจะต้องถูกท�าโทษ โดยไหว้เกวียนลาย (ที่ใช้แห่ศพ อยู่ด้านข้าง

            ขวาวัด) พร้อมพูดว่าขาดรับพรๆ หรือบางครั้งก็ไหว้วัวของยายน้อย (ที่อยู่บริเวณวัด) หรือไม่ก็ถอนหญ้า
                                                                                      �
                                                                       �
            เจ้าชู้ รอบวัด พวกเรารับโทษแบบสนุกสนาน คุณพ่อแท่งสั่งให้ทาอะไรก็ทาตาม ไม่คิดว่าถูกทาโทษ ต่อจาก
                                                               �
            นั้นก็แยกย้ายไปเรียนค�าสอนตามชั้นของตนเอง เด็กหญิงจะเรียนคาสอนกับซิสเตอร์รักกางเขนท่าแร่
                                                                     �

            204                                                                          ภาคผนวก
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211